[x] ปิดหน้าต่างนี้
 
 
 

  

ข่าวประชาสัมพันธ์
วันกองทัพไทย

ศุกร์ ที่ 18 เดือน มกราคม พ.ศ.2556


 
วันกองทัพไทย

     วันกองทัพไทย เป็นวันที่ระลึก ในวาระที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงกระทำยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชาของพม่า โดยถือเอาวันที่ 18 มกราคม ของทุกปีเป็นวันกองทัพไทย ตามการคำนวณ จากเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ ที่ระบุว่า พระองค์กระทำยุทธหัตถี ในวันจันทร์ แรม 2 ค่ำ เดือนยี่ ปีมะโรง จ.ศ. 954 คำนวณได้ ตรงกับวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2135 (บางตำราว่า ปี พ.ศ. 2136)
     เดิมกระทรวงกลาโหมได้กำหนดให้วันที่ 8 เมษายนของทุกปีเป็นวันกองทัพไทย ต่อมาในปี พ.ศ. 2523 ได้เปลี่ยนโดยให้ถือเอาวันที่ 25 มกราคม เป็นวันกองทัพไทย ตามมต ิของคณะรัฐมนตรี ในสมัยนั้น ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องกำหนดวันกองทัพไทย และวันสถาปนากระทรวงกลาโหม ลง ๑๓ มิ.ย.๒๕๒๓ ต่อมาในภายหลัง ได้มีนักประวัติศาสตร์ หลายท่าน ได้ตรวจสอบ และพบว่าวันที่ทรงกระทำยุทธหัตถีนั้น แท้จริงแล้วไม่ได้ตรงกับวันที่ 25 มกราคม แต่น่าจะตรงกับวันที่ 18 มกราคม ปีดังกล่าว ทางราชการยังคงถือเอาวันที่ 25 มกราคม เป็นวันกองทัพไทยต่อไป จนกระทั่งวันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2549 คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ให้เปลี่ยนแปลงกำหนดวันกองทัพไทยจากวันที่ 25 มกราคม ของทุกปีเป็นวันที่ 18 มกราคม ของทุกปี และอนุมัติให้เป็นวันหยุดราชการของกระทรวงกลาโหม ตามหลักการเดิม ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องการเปลี่ยนแปลงวันกองทัพไทย ลง ๒๓ ส.ค.๒๕๔๙ ในปัจจุบัน วันที่ ๑๘ มกราคม จึงถือเป็น "วันยุทธหัตถี" "วันสมเด็จพระนเรศวรมหาราช" หรือ " วันกองทัพไทย "


 ประวัติวันกองทัพไทย
     ในปี พ.ศ.๒๑๓๕ พระเจ้าบุเรงนองโปรดให้พระมหาอุปราชา นำกองทัพทหารสองแสนสี่หมื่นคน มาตีกรุงศรีอยุธยาหมายจะชนะศึกในครั้งนี้ สมเด็จพระนเรศวร ทรงทราบว่า พม่าจะยกทัพใหญ่มาตี จึงทรงเตรียมไพร่พล มีกำลังหนึ่งแสนคนเดินทางออกจากบ้านป่าโมก ไปสุพรรณบุรี ข้ามน้ำตรงท่าท้าวอู่ทอง และตั้งค่ายหลวง บริเวณหนองสาหร่าย เช้าของวันจันทร์ แรม ๒ ค่ำ เดือนยี่ ปีมะโรง พ.ศ.๒๑๓๕ สมเด็จพระนเรศวร และสมเด็จพระเอกาทศรถ ทรงเครื่องพิชัยยุทธ สมเด็จพระนเรศวรทรงช้าง นามว่า เจ้าพระยาไชยานุภาพ ส่วนพระสมเด็จพระเอกาทศรถ ทรงช้างนามว่า เจ้าพระยาปราบไตรจักร ช้างทรงของทั้งสองพระองค์นั้นเป็นช้างชนะงา คือช้างมีงาที่ได้รับการฝึกให้รู้จักการต่อสู้ มาแล้ว หรือ เคยผ่านสงครามชนช้าง ชนะช้างตัวอื่นมาแล้ว ซึ่งเป็นช้างที่กำลังตกมัน ในระหว่างการรบจึงวิ่งไล่ตามพม่า หลงเข้าไปในแดนพม่า มีเพียงทหารรักษาพระองค์ และจาตุรงค์บาท เท่านั้น ที่ติดตามไปทัน สมเด็จพระนเรศวร ทอดพระเนตรเห็นพระมหาอุปราชาทรงพระคชสารอยู่ในร่มไม้ กับเหล่าเท้าพระยา จึงทราบได้ว่าช้างทรง ของสองพระองค์หลงถลำเข้ามา ถึงกลางกองทัพ และตกอยู่ในวงล้อมข้าศึกแล้ว แต่ด้วยพระปฏิภาณไหวพริบ ของสมเด็จพระนเรศวร ทรงเห็นว่าเป็นการเสียเปรียบข้าศึก จึงไสช้างเข้าไปใกล ้แล้วตรัสถาม ด้วยคุ้นเคย มาก่อนแต่วัยเยาว์ว่า "เจ้าพี่จะยืนช้างอยู่ในร่มไม้ทำไม ขอเชิญเสด็จมาทำยุทธหัตถีกัน ให้เป็นเกียรติยศเถิด กษัตริย์ภายหน้าที่จะชนช้างอย่างเราไม่มีอีกแล้ว" พระมหาอุปราชาได้ยินดังนั้น จึงไสช้างนามว่า พลายพัทธกอ เข้าชน เจ้าพระยาไชยานุภาพ เสียหลัก พระมหาอุปราชาทรงฟันสมเด็จพระนเรศวรด้วยพระแสงของ้าว แต่สมเด็จพระนเรศวรทรงเบี่ยงหลบทัน จึงฟันถูกพระมาลาหนังขาด จากนั้นเจ้าพระยาไชยานุภาพ ชนพลายพัทธกอ เสียหลัก สมเด็จพระนเรศวร ทรงฟันด้วยพระแสงของ้าวถูกพระมหาอุปราชาเข้าที่อังสะขวา สิ้นพระชนม์อยู่บนคอช้าง
     ส่วนสมเด็จพระเอกาทศรถ ทรงฟันเจ้าเมืองจาปะรีเสียชีวิตเช่นกัน ทหารพม่าเห็นว่าแพ้แน่แล้ว จึงใช้ปืนระดมยิงใส่สมเด็จพระนเรศวรได้รับบาดเจ็บ ทันใดนั้น ทัพหลวงไทยตามมาช่วยทัน จึงรับทั้งสองพระองค์กลับพระนคร พม่าจึงยกทัพกลับกรุงหงสาวดีไป นับแต่นั้นมาก็ไม่มีกองทัพใดกล้ายกมากล้ำกรายกรุงศรีอยุธยาอีกเลย

 สงครามยุทธหัตถี
     ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน ให้ความหมายว่า "การต่อสู้กันด้วยอาวุธบนหลังช้าง เป็นวิธีการรบอย่างกษัตริย์ในสมัยโบราณ เช่น พระนเรศวร ทรงกระทำยุทธหัตถ ีกับพระมหาอุปราชา บนหลังช้างจะมีคนนั่งอยู่สามคน ตัวแม่ทัพจะถือง้าวอยู่ที่คอช้าง คนที่นั่งกลางอยู่บนกูบจะถือหางนกยูงซ้ายขวาโบกเป็นสัญญาณ และคอยส่งอาวุธให้แม่ทัพ (ทราบว่า จะสับเปลี่ยนที่นั่งกันตอนกระทำการรบเท่านั้น) ที่ท้ายช้างจะมีควาญนั่งประจำที่ ตามเท้าช้างทั้งสี่มีพลประจำเรียกว่า จตุรงคบาท คนทั้งหมดจะถืออาวุธ เช่น ปืนปลายขอ หอกซัด ของ้าว ขอเกราะเขน แพน ถ้าเป็นช้างยุทธหัตถีจะมี หอกผูกผ้าสีแดงสองเล่ม ปืนใหญ่หันปากออกข้างขวาหนึ่งกระบอก ข้างซ้ายหนึ่งกระบอก มีนายทหารและพลทหารสวมเกราะ โพกผ้า ช้างที่เข้ากระบวนทัพ จะสวมเกราะใส่เกือกหรือรองเท้าเหล็กสำหรับกันขวากหนาม โดยทั้งที่สี่เท้าสวมหน้าราห์ มีปลอกเหล็กสวมงาทั้งคู่ และมีเกราะโว่พันงวงช้าง สำหรับพังหอค่าย โดยไม่เจ็บปวด
 กิจกรรมวันกองทัพไทย

 
 


เข้าชม : 1078


ข่าวประชาสัมพันธ์ 5 อันดับล่าสุด

      วันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๖๗ นายนพรัตน์ มุกดา ผู้อำนวยการ สกร.ระดับอำเภอภักดีชุมพล เข้าร่วม ประชุมเตรียมจัดงานคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมาร ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ ณ หอประชุมที่ว่าการอำเภอภักดีชุมพล 9 / ธ.ค. / 2567
      วันที่ 5 ธันวาคม 2567 นายนพรัตน์ มุกดา พร้อมด้วยบุคลากร สกร.ระดับอำเภอภักดีชุมพล เข้าร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล และพิธีวางพานพุ่มดอกไม้ถวายราชสักการะ เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ พระบามสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหา 6 / ธ.ค. / 2567
      วันที่ 27-28 พฤศจิกายน 2567 นายนพรัตน์ มุกดา ผู้อำนวยการ สกร.ระดับอำเภอภักดีชุมพล มอบหมายให้คณะครูและบุคลากร สกร.ระดับอำเภอภักดีชุมพล เข้าร่วมการแข่งขันกีฬา \"ท้องถิ่นสัมพันธ์ ครั้งที่ 17\" ประจำปีงบประมาณ 2568 ร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลทั้ง 6 / ธ.ค. / 2567
      วันที่ 25 พฤศจิกายน 2567 คณะครูและบุคลากร สกร.ระดับอำเภอภักดีชุมพล ร่วมต้อนรับ นายกาเรียน ยืนยงชาติ ผอ.สกร.ประจำจังหวัดชัยภูมิ ลงพื้นที่พบปะและมอบนโนบายแนวทางการปฏิบัติงานตามจุดเน้นการดำเนินงานของกรมส่งเสริมการเรียนรู้ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ให้กับบุคค 2 / ธ.ค. / 2567
      วันที่ 20-22 พฤศจิกายน 2567 สกร.ระดับอำเภอภักดีชุมพล จัดโครงการปฐมนิเทศนักศึกษา ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2567 โดยได้รับการนิเทศโครงการจาก นายนพรัตน์ มุกดา ผอ.สกร.ระดับอำเภอภักดีชุมพล และนางสาวพรวิมล บุตรศรีภูมิ ครูผู้ช่วย ณ ศกร.ระดับตำบลทั่ง 4แห่ง 2 / ธ.ค. / 2567


 
 ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอภักดีชุมพล
ตำบลเจาทอง  อำเภอภักดีชุมพล  จังหวัดชัยภูมิ  ๓๖๒๖๐
โทรศัพท์  ๐-๔๔๘๒-๘๒๓๖  โทรสาร  ๐-๔๔๘๒-๘๒๓๖
Powered by MAXSITE 1.10   Modify by   นิกร เกษโกมล   Version 2.05