5 เหตุผล เพราะเหตุไร ***ชรา เสี่ยง กลัดกลุ้ม มากยิ่งกว่าที่คิด
ในเวลาที่สังคมไทยได้ก้าวเข้าสู่สังคมคนสูงอายุบริบูรณ์มาตั้งแต่ปี 2564 และก็กำลังจะก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยระดับยอดเยี่ยมในปี 2574 หมายคือการที่มีมวลชนอายุ 60 ปีขึ้นไป มากยิ่งกว่าปริมาณร้อยละ 28 ของสามัญชนทั้งสิ้นในประเทศ แม้กระนั้นการเตรียมความพร้อมเพื่อจัดการกับปัญหาต่างๆที่จะตามมาจากการที่มีคนชราล้นเมืองยังไม่ค่อยมีให้มองเห็นอย่างเป็นสิ่งที่เป็นรูปธรรมกระจ่างแจ้งซักเท่าไหร่ ในขณะที่อันที่จริงแล้ว ผู้อาวุโสนั้นอยากได้การดูแลทั้งยังด้านจิตใจและก็ร่างกาย เพราะเหตุว่าเป็นวัยที่จำต้องพบเจอกับการเปลี่ยนแปลงในทุกด้าน ไม่มีอนาคตให้มุ่งหวัง มีแต่ว่าปัจจุบันนี้แล้วก็สมัยก่อนให้เรียกร้องหาแค่นั้น
การที่คนแก่จำต้องจัดการกับการเปลี่ยนแปลงพร้อมเพียงกันทั้งยังด้านร่างกาย จิตใจ แล้วก็สังคม การที่จะก้าวผ่านผ่านไปนั้นไม่ใช่เรื่องที่ง่ายสำหรับ***นี้ โดยยิ่งไปกว่านั้นด้านจิตใจ ที่อารมณ์แล้วก็ความรู้สึกบางทีอาจจะบอบบางเป็นพิเศษ เมื่อจัดการได้ยาก ก็จะนำมาซึ่งการทำให้สุขภาพทางจิตทรุดโทรม กระทั่งบางทีอาจแปลงเป็นภาวการณ์ไม่มีชีวิตชีวาในคนสูงอายุได้ นี่เกิดเรื่องที่คนที่อาศัยอยู่ภายในครอบครัวจำเป็นจะต้องดูความประพฤติพวกท่านให้ดี ว่ามีอะไรผิดแปลกไปจากเดิมไหม อย่ามัวแต่ฟังเสียงพร่ำบ่นแล้วทำท่าครั้งหงุดหงิดรำคาญใส่สิ่งเดียว ด้วยเหตุว่ามันบางทีอาจทำให้เกิดการเสี่ยงสำหรับการฆ่าตัวตายได้ อย่าใจจืดใจดำนักเลย สักครู่แก่เองก็จะรู้สึก
สภาวะหม่นหมองในผู้สูงวัย เป็นการป่วยทางจิตของ***สูงอายุ ซึ่งมีสาเหตุจากความรู้สึกว่าตัวเองผิดหวัง สูญเสีย เรียกร้องหาสมัยก่อน หรือสิ่งที่หายไปจากชีวิต รวมทั้งความเหนื่อยยากสำหรับในการเห็นด้วยการเปลี่ยนแปลง นำมาซึ่งการทำให้คนสูงอายุปราศจากความสุข จิตใจซึมเศร้า รู้สึกหมดกำลังใจ จนกระทั่งไม่ได้อยากมีชีวิตอยู่ พวกเราก็เลยจะต้องหมั่นดูถึงสัญญาณเตือนสภาวะเศร้าใจใน***ชรา รวมทั้งทำความเข้าใจถึงเหตุที่ส่งเสริมให้พวกท่านรู้สึกแบบนั้น ดังต่อไปนี้
ขูดกัวซา โรคหนองในเทียม โรคซึมเศร้า ดีซ่าน เกิดจากอะไร 7 วิธีลดพุง
5 เหตุผล เพราะอะไร ***ชรา เสี่ยง กลัดกลุ้ม มากยิ่งกว่าที่คิด
1.เคยปฏิบัติงานทุกวี่ทุกวันจะต้องมาอยู่เฉยๆ เป็นการเปลี่ยนที่จัดการได้ออกจะยาก จำต้องใช้เวลาสำหรับการปรับพฤติกรรม หากว่า***แก่ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยจะคร่ำครวญหาชีวิตสบายๆที่ปลดจากตำแหน่งจากการทำงานมาพักในตอนตอนปลาย แต่ว่าเมื่อถึงเวลานั้นจริงๆมันกลับรู้สึกโหวงเหวงอย่างบอกผิด แล้วก็ทำให้มีความรู้สึกท้อแท้ขึ้นมาได้ เนื่องจากผู้สูงวัยโดยมากคุ้นชินกับการที่จำต้องดำเนินการมาตลอดหลายสิบปี บางบุคคลเคยมีตำแหน่งหน้าที่การงานใหญ่มหึมา พอเพียงปลดเกษียณมาชีวิตก็แปรไปปลอดคนมาล้อมหน้าล้อมหลัง ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยทำงานมากมาตลอดชีวิต ก็เปลี่ยนแปลงมาเป็นตกงาน ก็เลยไม่เคยชินที่จะจำเป็นต้องอยู่บ้านเฉยๆและไม่ได้ทำในสิ่งที่เคยทำมาตลอด
2.ความอ้างว้างที่จำเป็นต้องอยู่บ้านผู้เดียว พอเพียงเกษียณอายุก็มิได้ออกไปดำเนินการ และก็จำเป็นต้องมาดำเนินชีวิตอยู่บ้านผู้เดียวในช่วงเวลากลางวัน เพราะว่าบุตรหลานก็ออกไปปฏิบัติงานไปเรียนหนังสือกันหมด นี่เกิดเรื่องที่ช้ำใจ***แก่พอเหมาะพอควร สำหรับผู้ที่ดำเนินการนอกบ้านมาตลอดหลายสิบปี การอยู่บ้านในตอนกลางวันในวันปกติเป็นสิ่งที่ผู้สูงวัยไม่คุ้นเคย มันเงียบ มันเหงาหงอย มันเตียน จนถึงมองวังเวง โดดเดี่ยว น่าสยอง ธรรมดาหยุดอยู่บ้านวันหยุดก็ยังมีลูกหลานบุคคลอื่นอยู่ด้วย เมื่อจำต้องมาอยู่เพียงลำพังมันเลยรู้สึกเปล่าเปลี่ยวขึ้นมา บวกกับเมื่อมองเห็นบุตรหลานออกไปดำเนินงาน ก็หาเรื่องให้รู้สึกราวกับตนเองเป็นคนไร้ค่า ไม่มีสาระขึ้นมาได้เหมือนกัน
3.เหงาหงอยจากความแก่มาเยี่ยม การเปลี่ยนแปลงทางร่างกายเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดแจ้งที่สุด หากว่าร่างกายจะเสื่องลงอย่างช้าๆรวมทั้งลดน้อยมาเรื่อยมิได้พรวดพราดเดียวแก่เลย แต่ว่าใครอีกหลายๆคนไม่เคยดูตนเองมาก่อนตราบจนกระทั่งปลดเกษียณรวมทั้งได้อยู่กับตนเองมากขึ้นเรื่อยๆ พอใช้รับทราบอย่างจริงๆจังๆว่าร่างกายของตนไม่อย่างเดิมอีกแล้ว ความจำห่วยแตกลง หูตึง มองดูอะไรก็ไม่ค่อยมองเห็น มีความจำกัดสำหรับการขยับเขยื้อนร่างกาย ช่วยเหลือตัวเองได้ลดลงและก็จำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยคนอื่นๆมากยิ่งขึ้น แปลงเป็นความรู้สึกที่โทษตนเอง เครียด รำคาญ รวมทั้งหม่นหมองจากความเสื่อมถอยของสมองรวมทั้งระดับฮอร์โมนภายในร่างกายไม่สมดุลอย่างเดิม
4.หน้าที่จุดสำคัญน้อยลง เป็นความเปลี่ยนทางจิตใจ สืบไปมาจากการที่เกษียณอายุออกจากงานมานั่งๆนอนๆอยู่บ้านโดยไม่มีภาระหน้าที่อะไร เคยดำเนินการเป็นผู้นำครอบครัว เป็นเสาหลักของบ้าน จากที่เคยช่วยเหลือตัวเองได้ดิบได้ดีกลับจำเป็นต้องมาพึ่งพิงผู้อื่นเพิ่มมากขึ้น เงินที่เคยหาใช้ได้เองก็จำต้องรอคอยจากบุตรหลานแทน ทำให้มีความรู้สึกว่าหน้าที่จุดสำคัญของตนเองลดน้อยลง ทำให้คนสูงอายุบางบุคคลรู้สึกคว้าง ห่อเ***่ยว จนถึงมีความคิดว่าตนเองไม่มีคุณค่า ไม่มีสาระ แก่แล้วมีแม้กระนั้นเป็นภาระหน้าที่ให้บุคคลอื่น บางบุคคลก็เลยรู้สึกรับตนเองมิได้ ยิ่งหากอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เป็นลบ คนภายในครอบครัวไม่สนใจ ไม่มีสังคม ก็บางครั้งอาจจะยิ่งห่วยแตก
5.การจากลาสูญเสีย ยิ่งตนเองอายุยืน ก็ยิ่งได้โอกาสได้มองเห็นคนที่อยู่รอบข้างทยอยจากไปครั้งละคน ตั้งแต่บิดามารดา เครือญาติ ลูกพี่ลูกน้อง คู่ทุกข์คู่ยาก เพื่อนเกลอ ยิ่งกว่านั้นคนแก่หลายท่านยังจำเป็นต้องต่อกรกับการที่มองเห็นบุตรหลานของตนเองจากไปก่อนวัยอันควรจะอีกต่างหาก เป็นความรู้สึกที่ว่าอันที่จริงแล้วควรเป็นฉันสิที่น่าจะได้ไปก่อน การพรากจากสูญเสียนี้ หากแม้คนไม่ใช่น้อยจะอุตสาหะปลอบประโลมตนเองว่าช่างเถิด คุ้นชินแล้ว แต่ว่าการที่จำต้องรับทราบว่าบุคคลอันเป็นหวานใจจากไปเรื่อยแบบงี้ ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะทำใจได้อย่างง่ายดายเป็นความสันโดษและก็น้อยเนื้อต่ำใจผู้ที่จากไป ที่ทิ้งให้ตัวเองจะต้องดำเนินชีวิตอยู่คนเดียว ทำให้ขาดที่พึ่งพิงทางจิตใจ
เข้าชม : 143
|